สำหรับการรีวิว iPhone 4 ในครั้งนี้คงไม่ได้ลงลึกทุกฟีเจอร์ เพราะบางอย่างน่าจะพอทราบกันอยู่แลัวว่าทำงานแบบไหน เลยขอเอ่ยถึงเฉพาะส่วนที่เป็นจุดเด่นสำหรับ iPhone 4
ซ้ายไปขวา : iPhone, iPhone 3GS และ iPhone 4
ซ้ายไปขวา : iPhone, iPhone 3GS และ iPhone 4
รูปร่างหน้าตาของ iPhone 4 ยังคงเป็นทรงแท่งเหลี่ยมคล้ายรุ่นเดิม โดยด้านหน้ามีหน้าจอขนาด 3.5 นิ้ว เหนือหน้าจอไปเล็กน้อยนอกจากมีช่องลำโพงสำหรับสนทนาโทรศัพท์ยังมีจุดเล็ก ๆ ทางด้านซ้ายมือนั้นคือกล้องถ่ายรูป โดยความสามารถของกล้องถ่ายรูปด้านหน้าจะอยู่ในระดับ VGA (640×480 พิกเซล) ด้านข้างอย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่ากรอบตัวเครื่องโลหะสีเงินด้านข้างเป็นเสาอากาศไปในตัว สำหรับด้านหลังตัวเครื่องหลังจากใน 2 รุ่นที่ผ่านมา (3G, 3GS) ทำเป็นหลังโค้งหลังเต่า พอเป็น iPhone 4 ทำเป็นด้านหลังแบนราบคล้ายรุ่นดั้งเดิม โดยมีกล้องขนาด 5 ล้านพิกเซลพร้อมไฟแฟลช LED ดวงเล็ก ๆ ติดอยู่ด้านบนมุมซ้าย สำหรับวัสดุชั้นนอกสุดทั้งด้านหน้าและด้านหลังของตัวเครื่องเป็นกระจกดังนั้นก็ควรระวังการตกกระแทกให้ดี เพราะโอกาสร้าวหรือแตกสามารถเกิดขึ้นได้สูง
สำหรับหน้าตาโดยรวมสำหรับ iPhone 4 ส่วนตัวแล้วไม่ได้ปลื้มอะไรมากนัก เพราะการดีไซน์ไม่ได้ฉีกไปจากเดิมสักเท่าไหร่
หน้าจอ
อย่างที่ทราบกันดีว่าหน้าจอ iPhone 4 ชัดจริงคมจริงเมื่อเทียบกับรุ่นที่ผ่าน ๆ มา ซึ่งเมื่อนำ iPhone 4 มาเทียบกับ iPod touch 4G พบว่าสีบนหน้าจอ iPhone4 จะเข้มกว่าเล็กน้อย ส่วนเรื่องสีเพี้ยนหรือไม่เมื่อเอียงจอพบว่าการแสดงสีบนหน้าจอ iPhone 4 ยังแสดงสีได้ถูกต้องเมื่อเอียงเกือบถึงระนาบ 180 องศา ส่วน iPod touch 4G เอียงเครื่องในลักษณะเดียวกันหน้าจอจะติดอมฟ้า ส่วนหน้าจอของ iPhone 3GS ก็เพี้ยนเช่นกันเมื่อเอียงหน้าจอในลักษณะเดียวกัน แต่ไม่ถึงขนาด iPod touch 4G
เรื่องสีเพี้ยนไม่เพี้ยนเอาเข้าจริงในการใช้งานทั่วไปเราคงไม่ได้เอียงเครื่องเพื่อจับผิดเรื่องสีอะไรอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่ต้องเป็นกังวลอะไรไปมากมายนัก
สำหรับความคมชัดของ Retina Display อย่างที่ทราบกันดีว่าสามารถแสดงผลได้ชัดสมราคาคุยจริง ๆ โดยเรื่องนี้ได้เขียนถึงไปหลายครั้งแล้ว ขอไม่เอ่ยถึงให้เสียเวลาก็แล้วกัน
ด้านความแรง
สำหรับ iPhone 4 ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ iOS มีสเป็คดีที่สุดในปัจจุบันเพราะนอกจากซีพียู A4 ความเร็ว 1 GHz แล้วแรมก็มีถึง 512 MB ซึ่งมากกว่า iPad และ iPod touch 4G ที่มีอยู่ 256 MB อีกด้วย สำหรับในการใช้งานจริงถ้าเทียบกันระหว่าง iPhone 4 กับ iPhone 3GS ก็ถือว่าความเร็วความแรงห่างกันเยอะพอสมควร ส่วนถ้าเทียบกันระหว่าง iPhone 4 กับ iPod touch 4G ถือว่าประสิทธิภาพไม่หนีกันเท่าไหร่
เสียงจากลำโพงและการสั่น
สำหรับเสียงจากลำโพง iPhone 4 ผมนำมาเปรียบเทียบ 3 เครื่องได้แก่ iPhone 4, iPhone 3GS และ iPod touch 4G ซึ่งในที่นี้จะเปรียบเทียบจากเสียงริงโทน โดยผลที่ได้พบว่าเสียงจากลำโพง iPhone 4 เสียงที่เคลียร์กว่า iPhone 3GS เล็กน้อย ส่วนความดังของเสียงส่วนตัวถือว่าให้เสียงดังได้พอ ๆ กัน ส่วน iPod touch 4G ก็ตามสภาพอย่างที่ได้เห็นและได้ยินจากวิดีโอ
ด้านการสั่นเท่าที่เปรียบเทียบระหว่าง iPhone 4 กับ iPhone 3GS พบว่าการสั่นของ iPhone 3GS แรงกว่า iPhone 4 อย่างเห็นได้ชัด ถ้าให้เปรียบเทียบการสั่นของ iPhone 4 คงประมาณเดียวกับ iPhone รุ่นแรกที่อยู่ในกระเป๋าแล้วแทบไม่รู้สึก แต่ยังโชคดีที่เสียงริงโทนค่อนข้างเสียงดังทำให้ทดแทนเรื่องการสั่นเบาลงไปได้บ้าง
เสียงจากการฟังเพลง
เท่าที่ทดสอบพบว่า iPhone 4 ให้เสียงที่ใสขึ้นเมื่อเทียบกับ iPhone 3GS แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเสียงที่ดีขึ้นก็ไม่ได้รู้สึกได้แบบชัดเจนอะไรนัก
กล้องถ่ายรูป
สำหรับฟีเจอร์ด้านถ่ายรูปถือว่าถูกปรับปรุงจากเดิมมากพอสมควร เริ่มจากความละเอียดของกล้องหลักทางด้านหลังเครื่องที่เพิ่มเป็น 5 ล้านพิกเซล (iPhone 3GS 3 ล้านพิกเซล) มาพร้อมแฟลชแบบหลอด LED ที่ให้ความสว่างได้มากพอสมควร ส่วนกล้องด้านหน้าความละเอียดเมื่อเทียบกับกล้องหลังแล้วต่างกันฟ้ากับเหวอยู่เหมือนกัน โดยความละะเอียดของกล้องด้านหน้าอยู่แค่ระดับ 3 แสนพิกเซลเท่านั้น
หน้าจอขณะถ่ายรูปภาพ iPhone 4 (ซ้าย) และ iPhone 3GS (ขวา)
ด้านการการถ่ายรูปด้วยความที่มีกล้องทั้งด้านหลังและด้านหน้าทำให้ขณะถ่ายรูปเราสามารถเลือกได้ว่าจะใช้กล้องด้านไหนถ่ายรูปจากการกดสลับกล้องที่ต้องบนหน้าจอ โดยกล้องด้านหลังเท่าที่ได้ลองใช้ถือว่าเก่งขึ้นจากเดิมเมื่อเทียบกับ iPhone 3GS พอสมควรเช่นเรื่องการปรับ White Balance ที่ทำได้แม่นยำขึ้นกว่าเดิม, การโฟกัสวัตถุทำได้รวดเร็วมากขึ้น เป็นต้น สำหรับกล้องด้านหน้าแม้จะความละเอียดน้อย แต่อานิสงค์เรื่องความเก่งต่าง ๆ ก็ได้มาด้วยอย่างเช่น White Balance ที่ทำได้ดีกว่าบนกล้องด้านหน้าของ iPod touch 4G สำหรับระบบออโต้โฟกัสกล้องด้านหน้าจะไม่มีมาให้แต่อย่างใด
และแม้จะเปิดตัวในไทยช้า(มาก) แต่ก็ถือว่ามีเรื่องที่ให้พูดถึงได้เพิ่มเติมอีกอย่างนั้นคือฟีเจอร์ HDR ที่เพิ่งมีใน iOS 4.1 ซึ่งฟีเจอร์นี้เองจะทำให้รูปที่คุณถ่ายชัดเจนขึ้น
HDR คืออะไร
รูปถ่ายย้อนแสง (ปกติ)
รูปถ่ายย้อนแสง (HDR On)
HDR หรือ High Dynamic Range
kangg