Sphero
เป็นแบตเตอรี่เสริมที่มีปริมาณไฟเยอะที่สุดตั้งแต่เคยรีวิวมา โดยเจ้า Energizer XP18000 สามารถชาร์จไฟให้ได้ทั้ง iPhone, iPad รวมถึงเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คอีกด้วย
สำหรับ Energizer XP18000 เรียกว่าประทับใจกันตั้งแต่เปิดกล่องเลยทีเดียว โดยอุปกรณ์ในกล่องเยอะมากจริง ๆ โดยประกอบไปด้วย
ซึ่งตอนแรกก่อนเปิดกล่องผมเองก็นึกว่าตัวเครื่องต้องหนักมากแน่ ๆ แต่เอาเข้าจริงน้ำหนักครึ่งหนึ่งมาจากอแดปเตอร์ชาร์จไฟและสารพัดหัวต่อที่มีให้ในกล่อง โดยน้ำหนักเฉพาะตัวเครื่อง Energizer XP18000 หนักเพียง 500 กรัมเท่านั้น
ด้านรูปร่างหน้าตาตัวเครื่อง Energizer XP18000 วัดสัดส่วนกับ MacBook Pro 13” และ iPhone 4S แล้วถือว่าตัวเครื่องมีขนาดใหญ่แต่ไม่เทอะทะเท่าไหร่ โดยด้านบนของตัวเครื่องจะมีแถบบอกระดับไฟในเครื่อง 4 ขีดพร้อมปุ่มกดเช็คระดับแบตเตอรี่ที่อยู่ข้างกัน ซึ่งปุ่มนี้เป็นปุ่มเปิดการทำงานไปด้วยในตัวเมื่อต้องการใช้งานส่วนการปิดเมื่อไม่ต้องการใช้งานจะเป็นแบบอัตโนมัติเช่นดึงสายชาร์จออกหรือชาร์จนไฟในอุปกรณ์นั้น ๆ เต็มแล้วตัวเครื่องก็จะตัดการทำงาน ด้านล่างเมื่อพลิกขึ้นมาจะพบกับสเป็คของตัวเครื่องว่าเป็นแบบไหนปล่อยกระแสไฟเท่าไหร่ พร้อมกับด้านท้ายจะมีตัวหนังสือบอกว่าช่องไหนปล่อยไฟเท่าไหร่ ซึ่งช่องต่าง ๆ ของตัว Energizer XP18000 จะมีอยู่ทั้งหมด 4 ช่องด้วยกันแบ่งเป็นช่องชาร์จไฟเข้าตัวเครื่อง 1 ช่อง และช่องสำหรับชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์อื่น ๆ 3 ช่องที่แบ่งตามกระแสไฟและรูปแบบการใช้งาน
สำหรับตัวต่อสารพัดอุปกรณ์ที่มาพร้อมกับ Energizer XP18000 รวมกันแล้วมีถีง 15 แบบด้วยกัน โดยเฉพาะตัวต่อสำหรับชาร์จไฟให้คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คที่มีมาให้ถึง 6 ขนาดด้วยกันครอบคลุมการใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คหลายยี่ห้อ ส่วนกลุ่มหัวต่อและสายชาร์จสำหรับโทรศัพท์มือถือและเครื่องเล่นพกพาทั้ง 6 แบบก็ต้องบอกว่าครบถ้วนสำหรับการนำมาใช้ชาร์จกับแบรนด์ใหญ่ ๆ ในปัจจุบันทั้งหมด
ความพิเศษของเรื่องหัวต่อชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์ของเราที่ Energizer ใส่ใจลูกค้าเป็นพิเศษก็คือถ้าในอนาคตเราเกิดเปลี่ยนเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คเป็นยี่ห้อใหม่หรือซื้อโทรศัพท์ใหม่แล้วหัวต่อที่มีมาให้ในปัจจุบันไม่สามารถใช้งานได้ เราสามารถเข้าเว็บ energizerpowerpacks.comไปลงทะเบียนและกรอกรายละเอียดต่าง ๆ ของเครื่องใหม่ที่เราซื้อมาเพื่อให้ทาง Energizer ส่งหัวชาร์จมาให้ และในกรณีที่เป็นยี่ห้อใหม่หรือรุ่นใหม่ในตลาดที่ยังไม่ได้ผลิตหัวชาร์จทาง Energizer จะผลิตออกมาให้ ซึ่งเมื่อผลิตและทดสอบแล้วว่าสามารถใช้งานได้ปกติทาง Energizer จะส่งหัวชาร์จดังกล่าวมาให้เราถึงที่บ้านอีกด้วย (อาจมีค่าใช้จ่ายในการขนส่ง) โดยการลงทะเบียนนี้จะขอได้ 2 หัวชาร์จต่อปี (รวมถึงกรณีที่เราทำหัวชาร์จที่มีอยู่เดิมสูญหายด้วย)
เรื่องการใช้งานเรียกว่าทดสอบนานมากจริง ๆ ด้วยความที่สเป็คบอกว่าจุไฟ 18,000 มิลลิแอมป์ก็เลยเริ่มจากการชาร์จไฟให้ตัวเครื่องก่อน โดยระยะเวลาการชาร์จไฟเข้าตัวเครื่องจากศูนย์จนแถบบอกสถานะว่ามีไฟเต็มใช้เวลา 4 ชั่วโมงตามที่ระบุในสเป็ค ส่วนการใช้งานทั่วไปการต่อสายและหัวชาร์จเข้ากับตัวเครื่องให้ดูที่กลุ่มสีเป็นหลักโดยที่ตัวเครื่องจะมีการทำสีตรงช่องเสียบสายชาร์จเพื่อให้ทราบว่าสายสีไหนต่อช่องไหน และด้วยความที่สามารถชาร์จคอมพิวเตอร์โน๊ตได้ด้วยทำให้ผมต้องทดสอบหลายแบบด้วยกัน โดยการชาร์จไฟเข้า Energizer XP18000 เต็ม 1 ครั้งสามารถชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ดังนี้
ชาร์จไฟให้ และ iPod touch 4G, iPhone 4 และ iPhone 4S รวมกันได้ทั้งหมด 9.5 ครั้ง โดยปล่อยให้แบตเตอรี่อยู่ต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ทุกเครื่องแบ่งเป็น
สำหรับการทดสอบนี้สามารถตอบโจทย์คนที่ต้องการแบตเตอรี่เสริมให้กับ iPhone ได้เกินพอ เรียกว่าถ้าเราชาร์จแบตเตอรี่ให้ iPhone ที่ใช้อยู่วันละ 3 ครั้ง สามารถใช้ Energizer XP18000 ชาร์จไฟได้ 3 วันสบาย ๆ
ชาร์จแบบคละกันระหว่าง iPhone 4S และ iPad 2 โดยทุกครั้งจะปล่อยระดับแบตเตอรี่ลดต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่ง Energizer XP18000 สามารถชาร์จไฟให้ทั้งคู่ได้ดังนี้
สำหรับการทดสอบนี้เพื่อดูภาพรวมสำหรับคนที่มีทั้ง iPhone และ iPad ว่าจะสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานไปได้อีกนานเท่าไหร่ ซึ่งในส่วนของการชาร์จไฟให้ iPad 2 ต้องยอมรับว่าตัว iPad 2 แบตเตอรี่ก้อนใหญ่จุไฟเยอะทำให้การชาร์จ 1 ครั้งสูบพลังงานออกจาก Energizer XP18000 เยอะมาก
การชาร์จคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ผมนำมาชาร์จกับ MacBook Pro 13” (Early 2011) สามารถชาร์จแบตเตอรี่ที่เหลือเพียง 13% ขึ้นไปจนเต็มได้ภายในเวลา 3 ชั่วโมงในแบบที่ปิดเครื่องไว้และยังมีแบตเตอรี่เหลือพอจะชาร์จไฟให้ iPhone 4S อีก 20 เปอร์เซ็นต์
ส่วนการทดสอบแบบที่ชาร์จเครื่องไปใช้งาน MacBook Pro 13” ไปด้วยเท่าที่ลองในการใช้งานของผมสามารถใช้ Energizer XP18000 เป็นแหล่งไฟสำรองแบบชาร์จไฟใช้งานเครื่องไปได้ราว ๆ 3 ชั่วโมงครึ่งจนตัว Energizer XP18000 หมดพลังงานไปเอง โดยเมื่อไฟของ Energizer XP18000 หมดไปแล้ว ประจุไฟของ MacBook Pro ในตอนนั้นแสดงผลว่าตัวเครื่องมีไฟเหลือที่ 30 เปอร์เซ็นต์ (จากเดิมที่มีอยู่ 18 เปอร์เซ็นต์) ซึ่งระดับไฟประมาณนี้สามารถใช้งานได้ต่อได้อีกพักใหญ่ โดยในระหว่างทดสอบผมใช้ Pages, TextEdit, Safari, Echofon, Skype (Video Call) ไปพร้อม ๆ กัน
จากข้อมูลในเว็บ energizerpowerpacks.com บอกไว้ว่าตัว Energizer XP18000 มีวงจรป้องกันเหตุไม่คาดฝันไว้ด้วยทั้งระดับฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ที่ใช้ควบคุมไม่ว่าจะเป็นเรื่องป้องกันกระแสไฟหรืออุณหภูมิตัวเครื่อง เท่าที่ลองสังเกตตอนใช้งานชาร์จไปใช้ไปกับ MacBook 13” ตัวเครื่อง Energizer XP18000 ไม่ได้ร้อนจัดแต่อย่างใด จะอุ่น ๆ พอที่จะเอามือหยิบขึ้นมาได้
สรุปสำหรับการทดสอบ Energizer XP18000 ยอมรับว่าแจ๋วจริง โดยเฉพาะการชาร์ตแบตเตอรี่ให้ iPhone อย่างเดียวทำได้ดีมาก ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่ให้ MacBook Pro 13” ก็ทำได้ดีเช่นกันไม่ว่าจะเป็นการชาร์จแบบปิดเครื่องหรือแบบชาร์จไปใช้ไป ส่วนเรื่องว่า Energizer XP18000 จำเป็นกับเราขนาดนั้น ตอบได้ว่าไม่ได้เหมาะกับทุกคน ด้วยความสามารถของตัวเครื่อง Energizer XP18000 จะเหมาะกับคนที่ออกนอกสถานที่บ่อย ๆ แทบทุกวันและในระหว่างวันไม่สามารถหาที่ชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ หรือไปต่างจังหวัดแล้วดันไม่มีปลั๊กไฟในที่ ๆ เราไป เครื่องชาร์จ Energizer XP18000 เหมาะมาก ส่วนคนที่ไปกลับบ้านกับสถานที่ทำงานทุกวันไปที่ไหนก็หาปลั๊กไฟได้เครื่องนี้คงไม่ได้เกิดมาเพื่อคุณแต่อย่างใด
จุดสังเกต
ราคา : 6,990 บาท
หาซื้อสินค้าได้ที่ : (**สอบถามจากร้านค้าเกี่ยวกับสายชาร์จของ MacBook Pro)
kangg