Audio-Technica
Audio-Technica
โดนถามมาว่า Geneva Model S กับ Model M ต่างกันอะไรยังไงบ้าง เราจัดให้ครับ นำ Geneva – Model M (Wireless) มาลองกันให้ได้ทราบว่าเป็นอย่างไร
หน้าตาลำโพง All-in-One ของ Geneva ตั้งแต่ Model S ไปถึง Model XL จะทำออกมาในทรงสี่เหลี่ยมไม่มีความใหญ่โตต่างกันไปตามขนาด ที่ต่างไปเลยคงเป็น Model XXL ที่ทำออกมาเป็นโต๊ะวางทีวีได้ด้วย ครั้งนี้เรามาดูกันที่ Geneva – Model M (Wireless) กันก่อนก็แล้วกัน
สำหรับ Geneva – Model M (Wireless) ขนาดจะใหญ่ขึ้นกว่า Model S (Wireless) ที่เราเคยรีวิวไปแล้วพอประมาณ หน้าตาตัวเครื่องอย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าเป็นทรงสี่เหลี่ยมด้านบนมีปุ่มควมคุมสำคัญ ๆ แบบสัมผัสวางไว้ให้ 6 ปุ่มด้วยกัน เรื่องปุ่มบนตัวเครื่องระหว่าง Model M กับ Model S จะต่างกันนิดหน่อยตรงที่ปุ่มของ Model M จะนูนขึ้นมาเล็กน้อยกดง่ายกว่า ส่วนของ Model S จะเรียบไปกับตัวเครื่องแตะ ๆ กด ๆ บางทีก็ไม่ไปตามที่ต้องการเหมือนกันโดนเฉพาะตอนมือแห้งมาก ๆ ส่วนความครบครันของปุ่มบนตัวเครื่องบน Model S จะมีครบทุกฟังก์ชั่น ส่วน Model M เน้นให้ไปกดใช้งานบนรีโมทเสียมากกว่า
ด้านหลังตัวเครื่องมีแค่ช่องเสียบสายไฟ ช่องเสียงเสาอากาศสำหรับรับวิทยุ FM และช่องเสียบสาย AUX แบบ 3.5 มม. เท่านั้น
ด้านหน้าที่เป็นดอกลำโพงของ Model M (Wireless) ประกอบไปด้วยดอกลำโพงทวีตเตอร์ขนาด 1 นิ้วจำนวน 2 ดอก และลำโพงซับวูฟเฟอร์ขนาด 4 นิ้วจำนวน 2 ดอก จุดนี้เป็นข้อแตกต่างชัดสุดของ Model M กับ Model S ที่ให้เสียงได้ต่างกัน (ของ Model S เป็นลำโพง 3 นิ้วจำนวน 2 ดอก)
การทดสอบเสียงในครั้งนี้ผมเชื่อมต่อแบบไร้สายระหว่าง iPhone 5s และ iPad mini ที่ผมใช้ประจำกับ Model M (Wireless) เป็นหลัก ซึ่งถ้าใครต้องการต่อผ่านสาย 3.5 มม. ด้านหลังเครื่องในกล่องก็มีสาย 3.5 มม. มาให้ด้วย (สายที่ให้มายาว 3 เมตร)
เสียงของ Model M ตอนแรกคิดว่าตัวใหญ่ขึ้นเสียงกระหึ่มขึ้นแค่นั้น แต่ผิดไปจากที่ผมคิดไว้เยอะครับ เสียงของ Model M ทำได้ดีกว่า Model S ไปอีกขั้น เสียงโดยรวมลอย ๆ ฟังแล้วเพลินดี เสียงทุ้มออกมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยแบบไม่กระแทกกระทั้นอะไรออกแนวละมุนมากกว่า ส่วนหนึ่งที่ผมชอบลำโพง Geneva คือเราสามารถตั้งค่าในส่วนของ Treble และ Bass ได้เองตามรสนิยมของเราได้จากรีโมทที่มีมาให้ในกล่อง ซึ่งลำโพงจะให้แนวเสียงได้อย่างที่เราต้องการ เช่นปรับเสียงเบสให้หนักกว่าเสียงสูง หรือจะปรับให้เท่า ๆ กันก็แล้วแต่เราตั้งค่าได้เลย
สำหรับพลังเสียงของ Model M เทียบกับ Model S ต้องบอกว่าเสียงของ Model M จะแน่นกว่าแบบรู้สึกได้ ในจุดนี้ผมเองคิดว่าถ้าผมไม่ได้ทั้งคู่มาทดสอบก็จะไม่ได้รู้สึกอะไร ซึ่งพอได้ทดลองใช้ฟังก็พบความต่างในส่วนนี้ด้วยเหมือนกัน ซึ่งการมีดอกลำโพงซับวูฟเฟอร์ของ Model M เห็นผลมากในจุดนี้
ส่วนภาครับสัญญาณวิทยุ FM จากที่ลองอยู่ในขั้นปกติไม่ได้เลิศชัดใสอะไรนัก ซึ่งส่วนนี้มีปัจจัยเรื่องสถานที่ ๆ ผมอยู่และตำแหน่งที่วางเครื่องด้วยที่อาจจะมีผลทำให้รับสัญญาณวิทยุ FM ไม่ชัด แต่เอาจริง ๆ เดี๋ยวนี้ผมจะฟังวิทยุ FM ยังเปิดจากแอปเลยครับเพราะได้เสียงที่ชัดกว่าการรับสัญญาณจากเสาอากาศ เปิดจากแอปแล้วค่อยให้เสียงไปออกที่ลำโพงก็ดีไปอีกแบบเพราะเราสามารถเปลี่ยนคลื่นวิทยุได้ง่ายกว่ากดหาเลขสถานีจากบนรีโมท
ต่อเสาอากาศรับวิทยุ FM
.
เปิดวิทยุจากแอป TuneIn Radio แล้วค่อยให้เสียงไปออกที่ลำโพง
จุดด้อยของ Model M (Wireless) จากที่ได้ใช้ไม่ใช่เรื่องเสียง แต่น่าจะเป็นหน้าตาที่ดูจืด ๆ ไปสำหรับคนที่อยากได้อะไรที่ดูทันสมัยโฉบเฉี่ยว ส่วนน้ำหนักเครื่อง 5.8 กิโลกรัมไม่เชิงว่าเป็นปัญหาแต่ด้วยความที่เป็นลำโพงชิ้นเดียว All-in-One ก็จะมีอารมณ์อยากยกไปตั้งในห้องนั่งเล่นบ้าง ห้องนอนบ้างสลับกันไป ซึ่งตอนแรกก็ยอมยกครับ แต่สักพักก็วางอยู่ที่เดียวไม่ยกอีกแล้วเพราะหนักเกินที่จะย้ายไปมาบ่อย ๆ
โดยรวมของลำโพง Geneva – Model M (Wireless) สำหรับผมตอนนี้คือไม่อยากส่งคืนมหาจักรเลยครับ หลงเสียงของลำโพง Geneva จริง ๆ ส่วนตัวชอบตั้งแต่ตัว Model S แล้ว พอได้ Geneva – Model M (Wireless) มาลองอีกเลือกยากเลยว่าจะเสียเงินให้ตัวไหน ซึ่งทั้งคู่ราคาต่างกันอยู่เกือบเท่าตัว สิ่งที่ Geneva – Model M (Wireless) ไม่ให้มาด้วยในกล่องคือขาตั้งทรงสูงที่ต้องซื้อเพิ่มเองสำหรับใช้วางลอย ๆ โดด ๆ ไม่ได้วางบนโต๊ะ
จุดสังเกต
ราคา : 19,900 บาท
เอื้อเฟื้ออุปกรณ์ทดสอบ : บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด
หาซื้อสินค้าได้ที่
Model S กับ Model M เลือกตัวไหนดี ?
จากที่ได้ลองทั้ง 2 รุ่นมีหลายปัจจัยในการเลือกเช่น ราคาที่ต่างกัน, ขนาดห้องที่เราอยู่, รูปแบบเสียงที่เราพอใจจากที่ได้ทั้ง 2 รุ่นว่าเราพอใจแค่ไหน แค่ 3 ข้อนี้ก็คิดเยอะแล้วครับ ถ้าเราเอาราคาเป็นที่ตั้งก็อาจจะเลือกไม่ยากเพราะมีงบเท่าไหนก็ซื้อแค่นั้น ถ้าเอาเรื่องเสียงเป็นสำคัญก็ต้องยอมให้รุ่นใหญ่กว่าเพราะเสียงที่ได้ละมุนกว่าจริง ๆแต่ที่สำคัญไม่แพ้กันอีกอย่างคือสถานที่ ๆ เราจะนำลำโพงไปวางว่าห้องใหญ่แค่ไหนด้วย ถ้าเป็นห้องนอนเล็ก ๆ สัก 10-15 ตร.ม. หรืออยากจะยกลำโพงไปวางในครัวในบางที Model S ก็ให้เสียงได้ครอบคลุมพื้นที่แล้วและยกไปวางที่อื่นในห้องในบ้านได้สะดวกกว่า ส่วน Model M ห้องเล็ก ๆ ก็ใช้งานได้ครับไม่ได้มีข้อห้ามอะไร และถ้าพื้นที่กว้างขึ้นตัว Model M ก็จะได้เปรียบที่ให้เสียงได้ครอบคลุมกว่า ซึ่งผู้อ่านคงต้องพิจารณาจากพื้นที่ในบ้านหรือในห้องเราด้วย เช่น ถ้าอยู่คอนโดสุดท้ายเราก็เปิดเสียงได้ไม่เต็มที่อยู่แล้ว ใช้ลำโพงรุ่นใหญ่หน่อยเราก็อยากเปิดให้เสียงดังมากหน่อยเพื่ออยากได้รายละเอียดเสียงชัด ๆ แต่ในความเป็นจริงก็อาจจะทำไม่ได้ ฉะนั้นเรื่องพื้นที่ถือเป็นส่วนสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอีก 2 ข้อที่ยกตัวอย่างไปก่อนหน้าเช่นกัน
ความยากในการเลือกลำโพงไม่ว่าจะ Geneva และยี่ห้ออื่น ๆ ก็ดีอยู่ที่เราอยากได้เสียงแบบตัวนี้ แต่ขอราคาเท่าตัวนั้นที่ราคาถูกกว่า ซึ่งปัญหานี้ก็เกิดกับผมระหว่าง Model S กับ Model M เช่นกัน อยากได้เสียงของ Model M ในราคา Model S ซึ่งตัวผมเองชอบลำโพง Model S อยู่แล้ว ก่อนหน้าที่จะได้ลอง Model M ก็ไม่เคยปันใจจาก Model S เลย แต่พอได้ลอง Model M เท่านั้นแหละครับ ลังเลเลยว่าเราจะเก็บเงินเพิ่มเพื่อ Model M หรือจะอยู่กับ Model S ที่ตอบสนองสิ่งที่ผมอยากได้เพียงพอแล้ว แต่สุดท้ายก็มาจบที่ขนาดห้องของผมที่จะใช้วางลำโพงขนาดห้องเล็ก ๆ ตัว Model S ก็เพียงพอแล้ว
สำหรับลำโพง Geneva แบบ All-in-One ตั้งแต่ Model S ไปถึง XXL มีโชว์ที่ Mahajak – Dream Theater (ชั้น 2 Siam Paragon) ตัวผมก็ไปลองเสียงลำโพงมาแล้วทั้ง S, M , L ส่วน XL กับ XXL ลำบากพนักงานตอนที่ต้องหันลำโพงก็เลยไม่ขอรบกวนทางร้านดีกว่า ใครสนใจไปลองกันได้ครับ
kangg