Audio-Technica
Audio-Technica
หลังจากที่เราได้ไปเช็คอินที่ Apple Watch Shop ที่ชินจูกุที่เป็น 1 ใน 3 ร้านแรกของโลกกันไปแล้ว ตอนนี้เรามาลอง Apple Watch ตัวเป็น ๆ กันดีกว่า
สำหรับ Apple Watch ต้องบอกว่าแอปเปิ้ลค่อนข้างดูแลภาพลักษณ์ให้ดูพรีเมี่ยมมาก ๆ โดยใครที่ต้องการลองนาฬิกาขึ้นข้อมือก็ต้องลงทะเบียนกับพนักงานในร้านก่อนจากนั้นรอคิว เวลานำนาฬิกามาขึ้นข้อมือก็จะมีพนักงานมาประกบถามข้อมูลว่าเราต้องการรุ่นไหนสายแบบไหนแล้วก็เปิดกล่องนาฬิกาหยิบออกมาให้เราได้ลอง
.
.
นาฬิกาที่ขึ้นข้อมือจะเป็นนาฬิกาที่ยังไม่ได้เปิดหน้าจอใด ๆ ไว้ กลายเป็นว่าขึ้นข้อมือกับนาฬิกาเปล่า ๆ ที่ไม่ได้เปิดใช้งานลองกันเสร็จแล้วถ้าอยากลองจิ้ม ๆ หมุน ๆ เม็ดมะยมก็ไปต้องอีกโต๊ะที่มีนาฬิกาให้ลองใช้งาน
จากที่ได้ลองนำ Apple Watch ขึ้นข้อมือทั้ง 2 ขนาดส่วนตัวผมคิดว่าผมน่าจะเหมาะกับขนาด 38 มม. แต่พอลองจริงเรือน 38 มม. เล็กไป แล้วมาลองขนาด 42 มม. ดูพอดีกว่า สายที่ผมได้ลอง 3 สายด้วยกันได้แก่สายเหล็ก Stainless Steel Case อันนี้หนักพอควร สายเหล็ก Milanese Loop ที่ตัวล็อกเป็นแม่เหล็กไม่รู้ว่าขนาดสายคือยาวเท่าไหร่ แต่ตอนลองแล้วถ้าเอาพอดีกับข้อมือคือตวัดขึ้นมาเลยตัวเรือนกันเลยทีเดียว ส่วนสายมาตรฐานคือสายยาง Sport Band มีจุดที่ต้องบอกกันด้วยว่านิ่มมากตอนใส่ไม่รู้สึกระคายเคืองแต่อย่างใด
.
ผมได้ลองทั้ง Apple Watch และ Apple Watch Sport ถ้าให้บอกตอนนี้คือยังแยกน้ำหนักไม่ออกว่ารุ่น Sport เบากว่าแค่ไหน เพราะตอนใส่มีเวลาพินิจไม่เยอะ แต่จากที่ลองก็มีลังเลเรื่องที่ว่าตอนแรกอยากซื้อเรือนสแตนเลสสตีล พอมาเห็นเรือนอลูมิเนียนตัวจริง ตัวเรือนมองภายนอกเหมือนต่างกันแน่เครื่องเงา ๆ สะท้อนแสงกับเรือนที่มีผิวไม่มันไม่เงาไม่สะท้อนแสงเท่านั้น จากที่เห็นในส่วนของรุ่น Sport ผมชอบเรือนสีดำมากกว่าสีเงิน
สำหรับเรือนทองไม่มีให้ลองให้จับแต่อย่างใด มีแต่วางอยู่ในโต๊ะตู้กระจก ลองส่องดูทั้ง 2 ทองแล้วพบว่าสีใกล้กันมากแม้วางอยู่คู่กัน ส่วนหนึ่งอาจเพราะแสงสะท้อนจากไฟในร้านที่เยอะมากทำให้สะท้อนออร่าความแพงกระแทกตาได้คล้ายกัน ถามว่าทองไหนส่วนกว่ากัน ณ จุดนี้จากที่เห็นตัวเรือนจริงแล้วผมยกให้ Rose Gold ดูมีเสน่ห์กว่า Yellow Gold
ซ้าย : Rose Gold / ขวา : Yellow Gold
.
ซ้าย : Rose Gold / ขวา : Yellow Gold
ความปราณีตของตัวเรือนจัดอยู่ในระดับพรีเมี่ยมทุกรุ่นทุกสี จุดนี้ไม่รู้ว่านานวันไปถ้าผลิตมากกว่านี้จะมีหลุดเรื่องคุณภาพตัวเรือนหรือไม่ ต้องรอติดตามกันต่อไป
สำหรับการใช้งานจากที่ได้ลองใช้เครื่องที่วางไว้ให้ลูกค้าลองแตะ ๆ จิ้ม ๆ ดูว่าเป็นอย่างไร ต้องบอกว่าตัวเครื่องที่โชว์มีแค่แอปของแอปเปิ้ลเท่านั้น ต่างกับที่เราเห็นบนเวทีงานเปิดตัวที่มีแอปมากมายรวมอยู่ด้วย
การใช้งานเครื่องหลัก ๆ คือเม็ดมะยมที่เป็นคอมโบ้ระหว่างปุ่ม Home และ ClickWheel คือได้ทั้งกดและหมุนเพื่อใช้งาน การเข้าแอปต่าง ๆ ที่ต้องการเราทำได้ทั้งเลื่อน ๆ หน้าจอไปยังแอปที่ต้องการแล้วแตะที่ไอคอนแอปเลย หรือเลื่อน ๆ ไปยังแอปที่ต้องการแล้วกะว่าให้อยู่กลางหน้าจอแล้วหมุนเม็ดมะยมให้ซูมเข้าไปก็เป็นการเข้าแอปอีกแบบหนึ่ง
.
.
หน้าปัดนาฬิกาแอปเปิ้ลเตรียมไว้ให้พอควรอย่างที่เราเห็นในบนเวทีและในเว็บกันไปแล้ว โดยเราสามารถเลือกการแสดงผลได้เยอะมาก จนรู้สึกว่าเยอะเกินไป การเรียนรู้ในส่วนนี้ผมว่ายากไปหน่อย ถ้าเทียบกับตอน iPhone ออกครั้งแรกเมื่อปี 2007 รู้สึกว่าการเลือกหน้าปัดแต่ละแบบแต่ละฟังก์ชั่นที่อยากให้โชว์ขึ้นมายากกว่าเล็กน้อย การแสดงผลสามารถทำสีได้หลากหลายมากจุดนี้คงอยู่ที่ว่าใครชอบแบบไหนก็จัดการเลือกกันไป
ในแอปอื่นที่ลองใช้เช่น Music ส่วนตัวผมว่ามีกลิ่นอายของ iPod nano 6th Gen ตัวเครื่องสี่เหลี่ยม ลองกด ๆ ใช้งานในส่วนนี้ประหนึ่งว่าใช้ iPod nano รุ่นดังกล่าวอยู่
ส่วน Photos เป็นส่วนที่ผมเฉย ๆ ที่สุดในแอปของแอปเปิ้ลเพราะด้วยขนาดหน้าจอที่เล็กมาก การดูรูปเล็กแค่นี้สำหรับผมไม่มีประโยชน์อะไรนัก เพราะสุดท้ายแล้ว iPhone ที่เราต้องใช้งานคู่กับ Apple Watch ก็ต้องอยู่บริเวณใกล้ ๆ อยู่แล้วก็หยิบขึ้นมาดูรูปชัด ใหญ่ และถนัดตากว่า
สำหรับฟีเจอร์ที่แปลกใจว่าทำได้แค่นี้จริง ๆ เหรอคือเวลาที่เรากดปุ่มที่อยู่ถัดลงมาจากเม็ดมะยมจะเข้าไปหน้าจอคล้าย ๆ Favorite ใน iPhone พอเข้าไปก็เลือกไปที่ชื่อเพื่อนในนั้นแล้วก็จะมี 3 ฟังก์ชั่นปรากฏขึ้นมาคือ โทรศัพท์, เขียน/วาดหน้าจอส่งไปให้เพื่อน (ซึ่งก็ต้องใช้ Apple Watach ด้วย) และส่งข้อความเสียงไปให้เพื่อนโดยพูดผ่าน Siri ซึ่งพอเลิกใช้งานในส่วนนี้ก็ให้กดปุ่มเดิมจะกลับสู่หน้าจอหรือแอปก่อนหน้าที่จะกด ยังไม่ค่อยเห็นประโยชน์ในส่วนนี้เท่าไหร่ อยากให้ปุ่มนี้เป็น Quick Menu ที่เราเลือกได้เองว่าพอกดแล้วให้ใช้งานฟีเจอร์อะไรมากกว่า
ฟีเจอร์อื่นที่ลองถ้าเป็นคนที่ใช้ iPhone อยู่แล้วก็จะเห็นว่าซ้ำ ๆ กันต่างกันแต่หน้าจอวิธีนำเสนอมากว่าที่เปลี่ยนไป เช่นแอปพยากรณ์อากาศที่บอกสภาพอากาศระหว่างวันเป็นวงกลมและพอเลื่อนลงมาก็แสดงผลของวันถัดไปคล้าย ๆ กับใน iPhone คืออุณหภูมิต่ำและสูงของวันนั้น ๆ
สำหรับบางแอปที่ต้องการ ๆ เชื่อมต่อกับ iPhone ด้วย จุดนี้ไม่สามารถลองได้ว่าเป็นอย่างไร เช่น โทรศัพท์, แผนที่นำทาง เป็นต้น
ถามว่าประทับใจหรือไม่กับ Apple Watch หลังจากที่ได้ลองแล้ว?
.
.
ณ ตอนนี้คือปลื้มตัวเรือนมากกว่าปลื้มเรื่องฟีเจอร์ฟังก์ชั่นการใช้งาน เพราะอยากให้มีแอปต่าง ๆ อยู่ในเครื่องที่ใช้สาธิตด้วย แต่ดันไม่มีเลยทำให้กร่อย ๆ ไปหน่อยตอนลองใช้งาน ส่วนความยากง่ายในการใช้งานมีงง ๆ บ้างเรื่องนี้คงไม่ใช่ปัญหาอะไรเพราะทุกอุปกรณ์ใหม ๆ ที่เราเพิ่งได้ลองก็มีงงและใช้งานไม่ถูกกันบ้างอยู่แล้ว
สรุปแล้วสำหรับ Apple Watch คือน่าสนใจและให้รอดูหลังจากที่เปิดขายเพราะดูแอปต่าง ๆ ที่ทำออกมาก่อนว่าตรงใจเราหรือไม่ เพราะโดยทั่วไปตัวเรือนพร้อมแอปมาตรฐานจัดว่าพื้น ๆ มาก
kangg